การอบตัวด้วยกระโจมอบสมุนไพร
และสมุนไพรสำหรับใช้อบตัว
การอบตัวโดยทั่วไปมีอยู่ 2 แบบ คือการอบแห้งและการอบเปียก การอบตัวของตะวันตกจะใช้ความร้อนที่ได้จากการเผาถ่านหิน
หรือใช้ความร้อนจากไอน้ำที่เรียกว่า “Steam Sauna” ภูมิอากาศของประเทศไทยมีความชื้นสูง มีฝนตกชุก
การอบตังของคนไทยจึงเหมาะกับการอบเปียก สมุนไพรที่ใช้อบมีอยู่มากมายหลายสูตร
การเลือกใช้สมุนไพรขี้นอยู่กับภูมิคสามรู้ของหมอพื้นบ้านและสมุนไพรในแต่ละท้องถิ่น โดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 แบบคือ
1. กลุ่มสมุนไพรที่ดีต่อผิวหนัง
* สมุนไพรที่มีรสเปรี้ยวเพื่อช่วยให้คราบไคลหลุดออกได้ง่าย และเผยผิวที่สะอาดสดใส
เช่น มะขาม ส้มป่อย ผักเสี้ยน ใบกาหลงขาว ใบเปล้าหลวง เป็นต้น
* สมุนไพรที่ดีต่อผิวหนังช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนัง สิว ฝ้า หรือผิวที่มีการติดเชื้อ หรือแพ้สารเคมีบางอย่าง
เช่นใบเสลดพังพอน ใบยอ ใบหญ้านาง ใบตำลึง ผักบุ้งแดงหรือผักบุ้งนา ใบพลูที่รับประทานกับหมาก
ใบหนุมานประสานกาย ใบเหงือกปลาหมอ ชมิ้นชัน
*สมุนไพรที่ช่วยบำรุงผิวทำให้ผิวพรรณชุ่มชื่น สดใส
เช่น ไพล ขมิ้อ้อย ขมิ้นชัน ว่านนางคำ ว่านสาวหลง ว่านมหาเมฆ
2. กลุ่มสมุนไพรที่ดีต่อระบบหายใจ และส่วนอื่นๆ (Aroma Therapy)
**ตะไคร้ ผิวมะกรูด ใบมะกรูด ใบยูคาลิปตัส ใบมะนาว ใบอบเชย ใบกุ่มน้ำ ขี้เหล็กทั้ง 5 เล็บครุฑ ใบแคแดง
เปลือกและใบของต้นพญาสัตบรรณ ใบโมกมัน ใบกระทกรก ใบรางจืดดอกม่วง และ ดอกขาว ฝักส้มป่อย ผักหนาม
*** สูตรสำหรับสตรีหลังคลอด ประกอบด้วย ***
ใบหญ้าคา ใบโกฐจุฬาลัมพา ว่านมหาเมฆ ว่านนางคำ ไพล ข่าอ่อน ขิง ว่านชักมดลูก ว่านสาวหลง ว่านสากเหล็ก
หอมแดง กระชายบ้าน ชมิ้นอ้อย ขมิ้นชัน ผักบุ้งแดง ผักเสี้ยนไทย หญ้าหนวดแมว เป็นต้น
การเข้ากระโจมอบตัวสมุนไพรของกลุ่มดอยน้ำซับ
การอบตัวของคนไทยเป็นการอบตัวแบบเปียก โดยมีการใช้สมุนไพรเข้ามาเป็นส่วนสำคัญ
ในขั้นตอนการอบตัว อุปกรณ์ในการอบตัวในปัจจุบันที่จำหน่ายในท้องตลาดมีหลายแบบ
ซึ่งขั้นตอนและการใช้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแต่ละผลิตภัณฑ์
สรรพคุณของตัวยาสมุนไพรที่ใช้อบตัวจะขึ้นอยู่กับสูตรผสมและสมุนไพรที่แตกต่างกันในแต่ละพื้นที่
อุปกรณ์การอบตัวของกลุ่มดอยน้ำซับ ประกอบด้วย
1 กระโจมอบสมุนไพรของดอยน้ำซับ
เป็นกระโจมที่มีสิทธิบัตรซึ่งผลิตจากผ้าฝ้าย 100% จากสมาชิกลุ่มทอผ้า ซึ่งมีขนาดสูง 180 เซนติเมตร กว้างประมาณ 100 เซนติเมตร
เมื่อกางออก สะอาดและปลอดภัย อุณหภูมิโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 45 – 52 องศาเซลเซียส
หากต่ำกว่านี้จะไม่ได้ผล หรือสูงกว่านี้จะเป็นอันตรายต่อผิวหนัง
2 หม้อต้มสมุนไพรควรเป็นหม้อดินใบใหญ่
เนื่องจากหม้อดินอุ้มความร้อนได้มากและใส่น้ำได้ปริมาณมาก โดยทั่วไปประมาณ 1000 ซีซี
ต่อสมุนไพรแห้งที่มีน้ำหนัก 250 กรัม หากเป็นสมุนไพรสดประมาณ 300 กรัม
ส่วนผสมโดยทั่วไปมีดังนี้คือ ไพล ขมิ้นอ้อย ว่านนางคำ ตะไคร้ ใบส้มป่อย ฯลฯ
โดยต้มสมุนไพร ให้เดือดแล้วจึงยกลงไว้ในกระโจมใต้เก้าอี้หรือม้านั่งที่มีความสูงจากพื้นไม่เกิน 50 เซนติเมตร
หากใช้หม้อไฟฟ้าก็ได้ แต่จะต้องมีขนาดความกว้างของปากหม้อประมาณ 12 นิ้ว จึงจะได้ประโยชน์สูงสุด
หรือจะใช้หม้อต้มแบบไฟฟ้าก็สะดวกดี
3 เก้าอี้ที่นั่งในกระโจม
ควรเป็นเก้าอี้ไม้และใช้ผ้าขนหนูรองที่เก้าอี้เพื่อกันความร้อน
4 การแต่งกายของผู้ที่ต้องการเข้ากระโจมอบสมุนไพร
ควรใส่เสื้อผ้าให้น้อยชิ้นที่สุด หรือถอดออกขณะอยู่ในกระโจม
5 ในขณะนั่งในกระโจม
จะมีไอสมุนไพรจากการต้มน้ำสมุนไพร การสูดกลิ่นไอสมุนไพรสลับกับการเปิดกระโจมออกมาหายใจ
จะช่วยทำให้การขับสิ่งสกปรกจากระบบหายใจออกมาได้เป็นอย่างดี
6 ระยะเวลาที่พอเหมาะที่อยู่ในกระโจม
ประมาณ 10-15 นาที หลังจากออกจากกระโจมแล้วให้นั่งพักจนกว่าตัวจะแห้ง
และดื่มน้ำในอุณหภูมิปกติอย่างน้อย 1 แก้ว การเข้ารอบสอง สามารถทำได้ในผู้ที่มีร่างกายแข็งแรงตามปกติ
แล้วจึงอาบน้ำหรือแช่น้ำสมุนไพร มีขีอควรระวังเฉพาะผู้ที่มีความดันโลหิตสูงเพราะการสูบฉีดเลือดจะดีขึ้น
ข้อแนะนำในการอบตัว
1. ไม่ควรอบในขณะมีไข้สูง ผู้ที่เป็นโรคไต โรคหัวใจ หอบหืด ลมชัก ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
ไม่ควรอบติดต่อกันเวลานาน โดยทั่วไปการอบตัวนี้จะใช้เวลาประมาณ 15 นาทีต่อครั้ง
หากเป็นประเทศที่มีอากาศร้อน เช่นในประเทศไทย ผู้ที่มีโรคประจำตัวหากต้องการอบอาจใช้เวลาเพียง 5 นาที
แล้วออกมานั่งพัก ให้ดื่มน้ำในอุณหภูมิปกติ 1 แก้ว แล้วเข้าอบอีกครั้งประมาณ 5 นาทีก็เพียงพอ
2. ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด คือก่อนเข้านอน (ควรเป็นการเข้านอน ที่เป็นไปตามนาฬิกาขีวิต คือ ประมาณสามทุ่ม)
3.หลังจากอบตัวแล้ว ควรดื่มอุ่น 1แก้ว รอให้ตัวแห้งและเย็นจึงอาบน้ำ
4.อุณหภูมิในกระโจม อยู่ระหว่าง 45 องศา -55 องศา หากสูงกว่านี้ผิวจะเป็นอันตราย หากต่ำกว่านี้จะไม่ได้ผลเท่าที่ควร
การอบตัวสำหรับสตรีหลังการคลอด
1. สำหรับผู้ที่คลอดแบบธรรมชาติ ควรเริ่มอบตัวหลังจากการคลอด 7 วัน
2.สำหรับผู้ที่คลอดด้วยการผ่าตัด ควรเว้นระยะหลังคลอดไปแล้วอย่างน้อย 30-45 วัน
สมุนไพรที่ใช้ควรเป็นสมุนไพรที่จากต่างบุคคลทั่วไป ส่วนกิจกรรมหรือวิธีการขั้นตอนต่างๆ จะแตกต่างกันไป
ขึ้นอยู่กับวิถึชีวิต วัฒนธรรม ความเชื่อ ภูมิปัญญาท้องถิ่น และสภาพภูมิอากาศในแต่ละพื้นที่
*** ประโยชน์ ของการอบตัว ***
ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้สะดวก
ช่วยให้ผิวสดใส
ช่วยให้การลำเลียงสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น
ช่วยทำให้การหายใจโล่งขึ้น ไม่ติดขัด
ผู้ที่นอนไม่หลับ หากใช้สมุนไพรที่เหมาะสม เช่นคาร์โมบาย หรือใบขี้เหล็ก เป็นต้น จะทำให้นอนหลับสบายขึ้น
ช่วยบรรเทาโรคผิงหนัง บางชนิด เช่น กลาก เกลื้อน ผด ผื่นคัน
ช่วยบรรเทา ผู้ที่เริ่มเป็นหวัด ในระยะแรก ครั่นเนื้อครั่นตัว และคัดจมูก
*** ข้อบ่งใช้ ***
ถุงผ้าสำหรับใส่สมุนไพรในห่อสมุนไพร ให้แบ่งสมุนไพรออกเป็นสองส่วน เก็บไว้ส่วน
นำสมุนไพรที่แบ่งไว้ใส่ในถุงผ้า (ซึ่งเชือกอยู่ในถุงผ้าแล้ว) เวลาผูก แนวผูกควรอยู่ต่ำกว่าปากถุงประมาณ 2 นิ้ว
เพื่อเหลือพื้นที่ให้สมุนไพรขยายตัวออก จะทำให้น้ำสมุนไพรออกมาได้ง่ายขึ้น
หากผูกต่ำกว่านี้ เวลาสมุนไพรชุ่มน้ำจะขยายตัวออกอีกเท่าตัวจึงต้องเว้นช่องหรือพื้นที่เพื่อรองรับการขยายตัวของสมุนไพร